22 กรกฎาคม 2568
“4 สมัย 8 ราชวงศ์ของไทย” เป็นการแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ของไทยออกเป็น 4 สมัยสำคัญ โดยในแต่ละสมัยมี ราชวงศ์ ที่ปกครองประเทศแตกต่างกัน รวมทั้งหมด 8 ราชวงศ์ ดังนี้:
ราชวงศ์ที่ปกครอง:
ราชวงศ์พระร่วง
กษัตริย์สำคัญ เช่น พ่อขุนศรีอินทราทิตย์, พ่อขุนรามคำแหง
เหตุการณ์สำคัญในสมัยสุโขทัยมีหลายด้าน ทั้งด้านการเมือง การปกครอง ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ซึ่งวางรากฐานให้กับสังคมไทยในยุคต่อมา โดยสามารถสรุปเหตุการณ์สำคัญได้ดังนี้:
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พ่อขุนบางกลางหาว) และพ่อขุนผาเมือง ร่วมกันขับไล่อิทธิพลของขอมจากเมืองสุโขทัย
สถาปนาอาณาจักรสุโขทัยเป็นรัฐอิสระ ถือเป็นการเริ่มต้นของชาติไทย
ขยายอาณาเขตกว้างขวางถึงแม่น้ำสาละวิน เมาะตะมะ นครศรีธรรมราช
วางรากฐานการปกครองแบบ พ่อปกครองลูก
ส่งเสริมพุทธศาสนาแบบเถรวาทลังกาวงศ์อย่างเข้มแข็ง
สร้าง ศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งเป็น หลักฐานทางภาษาและประวัติศาสตร์ไทยที่เก่าแก่ที่สุด
พ่อขุนรามคำแหงทรงประดิษฐ์ อักษรไทยสุโขทัย ซึ่งเป็นต้นแบบของอักษรไทยในปัจจุบัน
ใช้ใน ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
รับแบบแผนพุทธศาสนาจากลังกา (ศรีลังกา)
สร้างวัด เช่น วัดมหาธาตุ สุโขทัย
รัฐให้การอุปถัมภ์สงฆ์ สร้างพระพุทธรูป เช่น พระพุทธรูปปางมารวิชัย “พระอัฏฐารส”
พัฒนา พระพุทธรูปสุโขทัย ท่ามกลางอิทธิพลลังกาและขอม
มีลักษณะงดงาม เช่น พระพุทธรูปปางลีลา พระพุทธชินราช
เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ วัดศรีชุม วัดมหาธาตุ
เมืองราชธานีอื่น เช่น ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร พิษณุโลก
เชื่อมโยงกับอาณาจักรล้านนา หริภุญชัย และเขมร
เกษตรกรรมเป็นหลัก (การปลูกข้าว อ้อย)
การค้าขายเสรี ไม่เก็บภาษีตลาด
สังคมอยู่กันอย่างสงบสุข มีความเป็นธรรม
มี 4 ราชวงศ์ที่สืบต่อกัน:
ราชวงศ์อู่ทอง – สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
ราชวงศ์สุพรรณภูมิ – สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ราชวงศ์สุโขทัย (ราชวงศ์พระร่วงสายใต้) – สมเด็จพระเอกาทศรถ
ราชวงศ์บ้านพลูหลวง – พระเจ้าอาทิตยวงศ์, สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ
เหตุการณ์สำคัญใน สมัยอยุธยา (พ.ศ. 1893–2310) ครอบคลุมระยะเวลา 417 ปี เป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านการเมือง การปกครอง ศาสนา เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม พร้อมกับมีการต่อสู้กับอริราชศัตรูหลายครั้ง โดยสามารถสรุปเหตุการณ์สำคัญได้ดังนี้:
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
รวมอาณาจักรสุพรรณภูมิและละโว้เข้าเป็นหนึ่งเดียว
เสียกรุงครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2112): พม่าโดยพระเจ้าบุเรงนองตีกรุงศรีอยุธยา
เสียกรุงครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2310): พม่าภายใต้พระเจ้ามังระเผากรุงศรีอยุธยา
กอบกู้อิสรภาพจากพม่า ณ เมืองแครง
ยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชา ถือเป็นชัยชนะสำคัญ
กษัตริย์มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน
ระบบ “ศักดินา” และ “จตุสดมภ์” (เวียง วัง คลัง นา) เป็นระบบบริหารราชการแผ่นดิน
รวบรวมกฎหมายสำคัญเพื่อใช้ควบคุมสังคมและศาลยุติธรรม
ยังคงใช้ต่อมาในต้นกรุงรัตนโกสินทร์
อยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ติดต่อกับจีน ญี่ปุ่น โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ
ส่งออกสินค้าพื้นเมือง เช่น ข้าว หนังสัตว์ เครื่องเทศ
กษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
วรรณคดีสำคัญ เช่น ลิลิตพระลอ, สมบัติกวี, ราชาธิราช
การสร้างวัด วัง เจดีย์ทรงลังกาและปรางค์ขอม
ตัวอย่างเช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดพนัญเชิง วัดมหาธาตุ
สมเด็จพระศรีสุริโยทัย เป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา มีพระเกียรติคุณโดดเด่นในฐานะ “วีรสตรีไทย” ที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องพระสวามีและแผ่นดินไทยจากการรุกรานของพม่าในยุทธหัตถีเมื่อปี พ.ศ. 2091
พระนามเดิม: ไม่มีการบันทึกไว้อย่างแน่ชัด
พระราชอิสริยยศ: สมเด็จพระศรีสุริโยทัย
ตำแหน่ง: พระอัครมเหสีในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
พระราชโอรสและธิดา: รวม 5 พระองค์ เช่น พระเฑียรราชา (ภายหลังคือสมเด็จพระมหินทราธิราช), สมเด็จพระมหาธิดา และพระเทพกษัตรี เป็นต้น
เมื่อ พ.ศ. 2091 ในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กองทัพของพระเจ้าบุเรงนองแห่งพม่าได้ยกทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงยกทัพออกไปต่อสู้พร้อมด้วยพระราชโอรสและพระมเหสี
สมเด็จพระศรีสุริโยทัยทรงทราบถึงภยันตราย และด้วยพระหฤทัยเด็ดเดี่ยว จึงทรงเครื่องนักรบ ปลอมเป็นชาย ขึ้นช้างศึกตามเสด็จไปด้วย
ในสมรภูมิ ทรงแลเห็นว่าพระสวามีกำลังตกอยู่ในภาวะคับขันจากการสู้รบกับพระมหาอุปราชาแห่งพม่า
พระองค์จึงขับช้างเข้าขวางกลางระหว่างช้างของพระมหาอุปราชากับพระสวามี เพื่อช่วยชีวิตสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ผลลัพธ์:
พระมหาอุปราชาฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระองค์สิ้นพระชนม์ ณ ที่นั่น ถือเป็น การเสียสละชีวิตเพื่อชาติและพระสวามี
สมเด็จพระศรีสุริโยทัยถือเป็นวีรสตรีพระองค์แรกในประวัติศาสตร์ไทยที่มีบันทึกชัดเจน
พระราชกรณียกิจและการเสียสละของพระองค์เป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยจดจำถึง “ความกล้าหาญ เสียสละ และจงรักภักดี”
เจดีย์พระศรีสุริโยทัย: ตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา บริเวณวัดสวนหลวงสบสวรรค์ เป็นที่เก็บพระอัฐิของพระองค์
ภาพยนตร์และวรรณกรรม: เรื่องราวของพระองค์ถูกนำเสนอผ่านภาพยนตร์ เช่น สุริโยไท (พ.ศ. 2544) ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
ศึกบางระจัน เป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2308 ก่อนกรุงแตกเพียง 7 เดือน เป็นศึกที่ชาวบ้านธรรมดากลุ่มหนึ่งใน หมู่บ้านบางระจัน (ปัจจุบันอยู่ในอำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี) ร่วมใจกันลุกขึ้นต่อต้านกองทัพพม่าที่มุ่งหน้าจะเข้าตีกรุงศรีอยุธยา
พม่าในรัชสมัยของ พระเจ้าอลองพญา ได้ยกทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งที่ 2
หนึ่งในกองทัพย่อยของพม่านำโดย แม่ทัพเนเมียวธัมมะบดี ได้บุกเข้ามาทางภาคเหนือและภาคกลาง
ขณะเดินทัพผ่าน “ตำบลบางระจัน” ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันโดยไม่มีทหารหลวงสนับสนุน คอยต้านทานข้าศึก
ผู้นำชาวบ้านบางระจัน มีทั้งหมด 11 คน เช่น
ขุนสรรค์
นายแท่น
นายทองเหม็น
นายอิน
นายจันหนวดเขี้ยว ฯลฯ
ใช้อาวุธพื้นบ้าน เช่น หอก ดาบ ปืนเพียงไม่กี่กระบอก
ชาวบ้านสามารถ ต้านทานกองทัพพม่าได้ถึง 8 ครั้ง โดยสร้างค่ายไม้ไผ่และค่ายดินเป็นฐานที่มั่น
ศึกครั้งที่ 9 เป็นการรบครั้งสุดท้าย กองทัพพม่าสามารถทำลายค่ายบางระจันได้
ขาดแคลนเสบียงและอาวุธ โดยเฉพาะ ดินปืน
ทางกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถส่งกำลังมาช่วยได้ทัน
กองกำลังบางระจันจึงพ่ายแพ้และผู้นำหลายคนเสียชีวิต
เป็น สัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความรักชาติ และการเสียสละ ของชาวบ้านไทย
ไม่มีตำแหน่งทางราชการ แต่รวมใจกันสู้ข้าศึกด้วยหัวใจอันกล้าหาญ
กลายเป็นแรงบันดาลใจในวรรณกรรม ภาพยนตร์ และงานศิลปะมากมาย
มีการสร้าง “อนุสรณ์สถานชาวบ้านบางระจัน” ที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของพวกเขา
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถือเป็น “วันวีรชนค่ายบางระจัน”
พระสุพรรณกัลยา เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช แห่งกรุงศรีอยุธยา และเป็นพระเชษภคินี (พี่สาว) ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถือเป็นสตรีที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ไทยมีความสัมพันธ์กับพม่า
รายละเอียด ข้อมูล
พระนามเต็ม (ตามพงศาวดาร) พระสุพรรณกัลยา / พระสุพรรณกัลยาณี
ชาติกำเนิด พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตรีย์
พระเชื้อสาย ราชวงศ์สุโขทัย-อยุธยา
พระญาติสำคัญ พระน้องชาย: สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระน้องสาว: พระเอกาทศรถ
หลังจากกรุงศรีอยุธยาแพ้สงครามแก่พม่าภายใต้พระเจ้าบุเรงนอง
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชจำต้องส่งพระโอรสและพระธิดา 3 พระองค์ไปเป็นองค์ประกันที่หงสาวดี
ได้แก่ พระนเรศวร, พระเอกาทศรถ และพระสุพรรณกัลยา
พระเจ้าบุเรงนองทรงพระเมตตา แต่งตั้งพระสุพรรณกัลยาเป็นหนึ่งในมเหสี
พระองค์ได้รับเกียรติและความรักในราชสำนักพม่า
เมื่อสมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพจากพม่า ณ เมืองแครง
พม่าโกรธแค้นและถือว่าเป็นการทรยศ
มีบันทึกว่า พระสุพรรณกัลยาถูกสำเร็จโทษ (บางตำนานว่าถูกเผาทั้งเป็น)
เพื่อเป็นการลงโทษกรุงศรีอยุธยา
พระสุพรรณกัลยาเป็น สัญลักษณ์ของความจงรักภักดีต่อแผ่นดิน และการเสียสละเพื่อบ้านเมือง
เธอถือเป็น "วีรสตรีแห่งแผ่นดินไทย" และมีการยกย่องเชิดชูคุณงามความดีของพระองค์ในหลายโอกาส
มีการสร้างอนุสาวรีย์พระสุพรรณกัลยา เช่น ที่จังหวัดสุโขทัย และพิษณุโลก
บางโรงเรียน และสถานที่ราชการใช้พระนาม “สุพรรณกัลยา” เป็นชื่อสถานศึกษา
ในวรรณกรรมและละครหลายเรื่อง ได้กล่าวถึงพระองค์ด้วยความเคารพ
ราชวงศ์ที่ปกครอง:
ราชวงศ์ธนบุรี
มีเพียงพระเจ้าตากสินมหาราช (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี)
เหตุการณ์สำคัญใน สมัยธนบุรี (พ.ศ. 2310–2325) แม้จะมีระยะเวลาสั้นเพียง 15 ปี แต่เป็นยุคแห่งการฟื้นฟูชาติบ้านเมืองหลังเสียกรุงศรีอยุธยา และเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญก่อนเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ โดยมีเหตุการณ์เด่น ๆ ดังนี้:
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงรวบรวมไพร่พลที่จันทบุรี
เดินทัพเข้าตีค่ายโพธิ์สามต้น และสามารถขับไล่พม่าออกจากกรุงศรีอยุธยา
กอบกู้เอกราชได้ในเวลาเพียง 7 เดือน
เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาเสียหายหนักจากสงคราม
พระเจ้าตากสินทรงเลือกฝั่งธนบุรี (ปัจจุบันคือฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา) เป็นราชธานีใหม่
หลังกรุงแตก มีหัวเมืองต่าง ๆ แยกตัวออกเป็นก๊ก เช่น ก๊กพระยาพิษณุโลก ก๊กเจ้าพระฝาง
พระเจ้าตากสินปราบปรามได้ทั้งหมด และรวบอำนาจกลับมาสู่ส่วนกลาง
พระเจ้าตากสินทรงให้ความสำคัญกับการบวชเรียนและพระธรรมวินัย
เชิญพระสงฆ์จากเมืองนครศรีธรรมราชและหัวเมืองใต้มาทำสังฆกรรม
สร้างวัด เช่น วัดอินทาราม วัดหงส์รัตนาราม
พม่าพยายามบุกอีกหลายครั้ง เช่น สงครามเก้าทัพ (พ.ศ. 2311)
สงครามกับล้านนา ลาว เขมร เพื่อรวบอาณาจักรเดิมกลับคืน
สมัยธนบุรีมีการติดต่อค้าขายกับจีนและต่างประเทศ
มีการฟื้นฟูการผลิตข้าว เครื่องจักสาน และสินค้าเกษตร
เกิดความไม่สงบในราชสำนัก
สมเด็จพระเจ้าตากสินถูกสำเร็จโทษ
เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ 1) ขึ้นครองราชย์และสถาปนา กรุงรัตนโกสินทร์
ราชวงศ์ที่ปกครอง:
ราชวงศ์จักรี
เริ่มตั้งแต่ รัชกาลที่ 1 (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) จนถึง รัชกาลที่ 10 ในปัจจุบัน
เหตุการณ์สำคัญใน สมัยรัตนโกสินทร์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2325 – ปัจจุบัน) ครอบคลุมช่วงเวลากว่า 240 ปี เป็นยุคที่ประเทศไทยมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการต่างประเทศ ซึ่งสามารถสรุปเหตุการณ์สำคัญตามแต่ละช่วงรัชกาลได้ดังนี้:
สถาปนา กรุงเทพมหานคร เป็นราชธานี
รวบรวมกฎหมายเป็น กฎหมายตราสามดวง
บูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธศาสนาและวัดวาอาราม เช่น วัดพระแก้ว
ป้องกันประเทศจากพม่า เช่น สงครามเก้าทัพ
ยุคแห่งความเจริญด้านวรรณคดีและศิลปะ
มีกวีสำคัญ เช่น สุนทรภู่
สงครามกับพม่าลดลง ความมั่นคงภายในมากขึ้น
ขยายการค้าเสรีกับต่างชาติ โดยเฉพาะจีน
สร้างวัดหลายแห่ง เช่น วัดโพธิ์
เริ่มมีการติดต่อกับชาติตะวันตก (อังกฤษ, อเมริกา) อย่างชัดเจน
ทรงเป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย”
ลงนาม สนธิสัญญาเบาว์ริง กับอังกฤษ
ปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยขึ้น
ส่งเสริมวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์
เลิกทาส
ปฏิรูปการปกครอง เป็นแบบกระทรวง ทบวง กรม
วางรากฐานโครงสร้างรัฐสมัยใหม่
สร้างทางรถไฟ การศึกษา และสุขาภิบาล
สูญเสียดินแดนบางส่วนให้ฝรั่งเศสและอังกฤษ เพื่อรักษาเอกราช
ส่งเสริมชาตินิยม สร้างคำว่า “สยาม” และ “ชาติ”
จัดตั้ง ลูกเสือไทย และมหาวิทยาลัย
เข้าร่วม สงครามโลกครั้งที่ 1
เริ่มมีแนวคิดประชาธิปไตย
เกิด การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
→ จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย
พระองค์ทรงสละราชสมบัติ
ตั้งรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย
ครองราชย์ขณะประทับอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์
เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาในพระที่นั่งบรมพิมาน
ช่วงนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างมาก
ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
ทรงริเริ่ม “โครงการหลวง” และ “เศรษฐกิจพอเพียง”
ทรงฟื้นฟูชนบท วิทยาศาสตร์ เกษตรกรรม
เป็นที่รักของประชาชนอย่างยิ่ง
มีบทบาทในการปรับปรุงโครงสร้างภายในราชสำนัก
การจัดงานพระราชพิธีต่าง ๆ อย่างยิ่งใหญ่ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ท่ามกลางบริบทโลกและการเมืองที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ศึกเมืองถลาง เป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยาและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งแสดงถึงความเสียสละ ความกล้าหาญ และบทบาทของสตรีไทยในการปกป้องแผ่นดิน โดยเฉพาะ ท้าวเทพกระษัตรี และ ท้าวศรีสุนทร
หัวข้อ รายละเอียด
ช่วงเวลา พ.ศ. 2328 (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
คู่สงคราม ไทย (เมืองถลาง) vs พม่า
ผู้นำฝ่ายไทย ท้าวเทพกระษัตรี (คุณหญิงจัน) และท้าวศรีสุนทร (คุณมุก)
สาเหตุ หลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พม่าเร่งขยายอิทธิพลทางใต้ หวังยึดเมืองถลางเพื่อใช้เป็นฐานในการควบคุมภาคใต้
เหตุการณ์เด่น - เมืองถลางไร้ผู้นำชาย คุณหญิงจันและคุณมุกจึงรวบรวมผู้คน ป้องกันเมืองด้วยอาวุธเท่าที่มี
- มีการปลอมแปลงให้ผู้หญิงแต่งเป็นทหารชายเพื่อให้ศัตรูเข้าใจว่ากำลังพลมีมาก
ผลลัพธ์ ไทยสามารถต้านทานกองทัพพม่าได้สำเร็จ พม่าจึงถอยทัพกลับไป
พระราชทานบรรดาศักดิ์ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์แก่คุณหญิงจันเป็น ท้าวเทพกระษัตรี และคุณมุกเป็น ท้าวศรีสุนทร
เป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึง บทบาทของสตรีไทย ในการปกป้องชาติบ้านเมือง
สะท้อนถึงความเสียสละ ความกล้าหาญ และไหวพริบทางยุทธศาสตร์
กลายเป็น ตำนานแห่งวีรสตรี และต้นแบบของ “แม่หญิงกล้าหาญ” ในประวัติศาสตร์ไทย
ย่าโม หรือที่รู้จักในพระนามเต็มว่า ท้าวสุรนารี (ชื่อเดิม: โม) เป็นวีรสตรีคนสำคัญของจังหวัดนครราชสีมา (โคราช) และของชาติไทย มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายสมัยกรุงธนบุรีถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยปกป้องบ้านเมืองจากข้าศึก โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่เรียกว่า "ศึกเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์"
ชื่อเดิม: โม (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “ท้าวสุรนารี”)
สามี: พระยาปลัดทองคำ (ปลัดเมืองนครราชสีมา)
ถิ่นฐาน: เมืองนครราชสีมา
เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ (นครหลวงพระบาง) ยกทัพเข้ามายึดเมืองนครราชสีมา
ทหารเวียงจันทน์จับตัวชาวเมือง รวมถึง ท้าวสุรนารี (ย่าโม) และพากลับเวียงจันทน์
ระหว่างเดินทางกลับ ย่าโมได้ วางแผนกล่อมใจผู้คนที่ถูกจับ พร้อมวางอุบายให้ข้าศึกตายใจ
เมื่อถึงบริเวณทุ่งสำริด (หรือบริเวณทุ่งสัมฤทธิ์) ย่าโมและชาวเมืองที่ร่วมมือกันได้ ช่วงชิงอาวุธจากทหารเวียงจันทน์และทำการต่อสู้จนได้รับชัยชนะ
ต่อมา รัชกาลที่ 3 ทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น “ท้าวสุรนารี” เพื่อยกย่องความกล้าหาญ
จังหวัดนครราชสีมาสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี บริเวณประตูชุมพล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนเคารพนับถือ
มีการจัดงาน “งานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี” เป็นประจำทุกปีในเดือนมีนาคม-เมษายน
ชาวโคราชนิยมกราบไหว้ย่าโมเพื่อขอพรให้ประสบความสำเร็จและปลอดภัย
กล้าหาญ เสียสละ
ปกป้องบ้านเมืองโดยไม่เกรงกลัวต่ออันตราย
เป็นสัญลักษณ์ของ “วีรสตรีไทย”
สมัย จำนวนราชวงศ์ รายชื่อราชวงศ์
สุโขทัย 1 พระร่วง
อยุธยา 4 อู่ทอง, สุพรรณภูมิ, สุโขทัย, บ้านพลูหลวง
ธนบุรี 1 ธนบุรี
รัตนโกสินทร์ 1 จักรี
รวม 8