22 มกราคม 2568
ฝุ่น PM2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กในอากาศที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กมากจนสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและเข้าสู่กระแสเลือดได้ ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะในระยะยาว
การเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น การเผาป่า การเผาขยะ หรือการใช้ถ่านหิน
ควันจากยานพาหนะ เช่น รถยนต์ที่ใช้ดีเซล
อุตสาหกรรม เช่น การผลิตพลังงาน โรงงานต่าง ๆ
การเผาในที่โล่ง เช่น การเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตร
ระบบทางเดินหายใจ: ทำให้เกิดอาการไอ จาม หายใจลำบาก และเป็นโรคปอดเรื้อรัง
ระบบหัวใจและหลอดเลือด: เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง และความดันโลหิตสูง
ระบบประสาท: อาจทำลายเซลล์สมองและเสี่ยงต่อโรคทางสมองในระยะยาว
ผู้ที่อ่อนไหวเป็นพิเศษ: เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด หรือภูมิแพ้
สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น: ใช้หน้ากากชนิด N95 ที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้
หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง: ในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง ควรลดการออกกำลังกายหรือทำงานกลางแจ้ง
ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ: ใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้านหรือที่ทำงาน
ติดตามคุณภาพอากาศ: เช็กค่าฝุ่น PM2.5 ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ เช่น AirVisual หรือ IQAir
ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว หันมาใช้ขนส่งสาธารณะ
สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์
ควบคุมการเผาในที่โล่ง
ส่งเสริมการปลูกต้นไม้และการพัฒนาพื้นที่สีเขียว
การจัดการฝุ่น PM2.5 ต้องใช้มาตรการที่ครอบคลุมในทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
เน้นการลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในช่วงค่าฝุ่นสูง
การแจ้งเตือนประชาชน
ประกาศค่าฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ หรือสื่อต่าง ๆ
แนะนำประชาชนในการป้องกันตนเอง เช่น การใช้หน้ากาก N95 หรือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
การลดแหล่งกำเนิดมลพิษ
ควบคุมการเผาในที่โล่ง เช่น การเผาขยะและการเผาในพื้นที่เกษตร
ตรวจสอบยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐาน และเพิ่มจุดตรวจสอบควันดำ
สนับสนุนการใช้หน้ากากป้องกันฝุ่น
แจกหน้ากากอนามัยคุณภาพสูงให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง
เพิ่มพื้นที่ลดฝุ่นในเมือง
ฉีดพ่นน้ำในพื้นที่ที่มีฝุ่นสูง เช่น ถนนและบริเวณก่อสร้าง
มุ่งพัฒนาระบบที่ช่วยลดการเกิดฝุ่นอย่างต่อเนื่อง
พัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ
ขยายและส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ไฟฟ้า เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
สนับสนุนพลังงานสะอาด
สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในภาคอุตสาหกรรม
ควบคุมการปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิด
บังคับใช้นโยบายที่เข้มงวดกับโรงงานอุตสาหกรรม เช่น การติดตั้งระบบกรองอากาศ
ส่งเสริมการใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน Euro 5 หรือ Euro 6
เพิ่มพื้นที่สีเขียว
สร้างสวนสาธารณะหรือพื้นที่ป่าในเมือง
เน้นการปรับโครงสร้างพื้นฐานและพฤติกรรมของสังคมเพื่อความยั่งยืน
ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา
ลงทุนในการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีกรองอากาศและการลดมลพิษ
พัฒนาแอปพลิเคชันหรือระบบตรวจสอบฝุ่นที่แม่นยำ
การศึกษาสร้างความตระหนักรู้
สร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบของฝุ่น PM2.5
ปลูกฝังแนวคิดเรื่องการลดการเผาและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ในโรงเรียน
การวางแผนเมืองยั่งยืน
ออกแบบเมืองโดยเน้นการกระจายตัวของพื้นที่สีเขียว
กำหนดโซนนิ่งที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย
ความร่วมมือระดับนานาชาติ
ทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อควบคุมการเผาป่าข้ามพรมแดน
เข้าร่วมความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับการลดการปล่อยมลพิษ
เกณฑ์ค่าฝุ่น PM2.5 ถูกกำหนดเพื่อประเมินคุณภาพอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ตัวอย่างเกณฑ์สำคัญ ได้แก่:
ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง: 15 µg/m³
ค่าเฉลี่ยรายปี: 5 µg/m³
(WHO มีการปรับลดมาตรฐานในปี 2021 เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลผลกระทบด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น)
ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง: ไม่เกิน 50 µg/m³
ค่าเฉลี่ยรายปี: ไม่เกิน 25 µg/m³
ประเทศไทยมีมาตรฐานที่ผ่อนคลายกว่า WHO เนื่องจากความแตกต่างด้านสภาพภูมิศาสตร์และความเป็นไปได้ทางนโยบายในระดับประเทศ