16 ตุลาคม 2567
โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เป็นแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยผสมผสานสามแนวคิดหลัก ได้แก่
Bio Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ): เป็นการนำความรู้ด้านชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพ และการจัดการทรัพยากรชีวภาพมาใช้ในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร อาหาร และพลังงานชีวภาพ
Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน): มุ่งเน้นการนำทรัพยากรที่ใช้อยู่แล้วกลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิล เพื่อลดขยะและการสิ้นเปลืองทรัพยากร แนวคิดนี้รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อสร้างมูลค่าในระยะยาว
Green Economy (เศรษฐกิจสีเขียว): เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืน ลดการปล่อยมลพิษและใช้พลังงานทดแทนที่ไม่ทำลายธรรมชาติ
โมเดล BCG นี้เป็นหนึ่งในกลไกที่ประเทศไทยนำมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่โลกต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนทรัพยากร ดังนั้นแนวคิดนี้จึงสอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs)
เป็นแนวคิดทางเศรษฐกิจที่เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและชีวภาพอย่างยั่งยืน โดยมุ่งหวังที่จะนำเทคโนโลยีและความรู้ทางชีววิทยามาประยุกต์ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณค่า โดยไม่ทำลายระบบนิเวศ ซึ่งแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพนี้เกี่ยวข้องกับหลายอุตสาหกรรม เช่น การเกษตร อาหาร พลังงาน และการแพทย์
องค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจชีวภาพคือ:
การเกษตรและปศุสัตว์: การนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชและสัตว์ เช่น การปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ การใช้ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารชีวภาพ: ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเพื่อผลิตอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ รวมถึงการแปรรูปอาหารเพื่อให้สามารถเก็บรักษาได้นาน
พลังงานชีวภาพ: การผลิตพลังงานจากทรัพยากรชีวภาพ เช่น ชีวมวล (biomass) และพลังงานชีวภาพ (bioenergy) ที่สามารถทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอุตสาหกรรมยาและสุขภาพ: การพัฒนายา วัคซีน และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพืชและสัตว์ที่มีอยู่ในระบบนิเวศ
การบริหารจัดการทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน: มุ่งเน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ทะเล และระบบนิเวศอื่น ๆ ให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องในระยะยาว
ลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สามารถหมุนเวียนได้ เช่น เชื้อเพลิงฟอสซิล
สร้างโอกาสในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาคการเกษตรและการผลิต
ส่งเสริมความยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สนับสนุนการพัฒนาชุมชนและการสร้างงานในภาคชนบท
เศรษฐกิจชีวภาพเป็นส่วนสำคัญในโมเดล BCG ของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนในระยะยาว
เป็นแนวคิดทางเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยมุ่งที่จะลดการใช้ทรัพยากรใหม่ ลดการสร้างขยะ และใช้วัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด แนวคิดนี้แตกต่างจากเศรษฐกิจแบบเส้นตรง (Linear Economy) ที่เน้นการใช้ทรัพยากรแล้วทิ้ง แต่เศรษฐกิจหมุนเวียนมุ่งเน้นการออกแบบระบบที่สามารถหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ได้ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์
องค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียน:
การออกแบบเพื่อความยั่งยืน: ผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตถูกออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถซ่อมแซม ปรับปรุง หรือแยกชิ้นส่วนเพื่อรีไซเคิลได้ ลดการทิ้งขยะลงสู่สิ่งแวดล้อม
การนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse): วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ถูกนำมาใช้ซ้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่จะสิ้นสุดการใช้งาน
การซ่อมแซม (Repair): การบำรุงรักษาและการซ่อมแซมผลิตภัณฑ์ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น แทนที่จะทิ้งเมื่อชำรุดหรือเสียหาย
การนำกลับมาแปรรูป (Recycle): วัสดุและผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุการใช้งานหรือไม่สามารถใช้งานได้แล้วจะถูกนำมาแปรรูปเพื่อนำกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่ แทนการใช้วัตถุดิบใหม่
การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ: การลดการใช้ทรัพยากรตั้งแต่กระบวนการออกแบบไปจนถึงการผลิต การขนส่ง และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน
การสร้างระบบการจัดการของเสีย (Waste Management): ขยะถูกแยกประเภทและบริหารจัดการให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือแปรรูปเพื่อลดการฝังกลบและลดปริมาณขยะในธรรมชาติ
ลดปริมาณขยะ: โดยการใช้ทรัพยากรให้มากที่สุดและการนำกลับมาใช้ใหม่ จะช่วยลดการสร้างขยะที่ต้องถูกนำไปฝังกลบ
ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ: ช่วยให้การใช้วัตถุดิบใหม่ลดลง ซึ่งจะลดการขุดเจาะและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ: อุตสาหกรรมการรีไซเคิล การซ่อมแซม และการนำกลับมาใช้ใหม่สามารถสร้างรายได้และงานให้แก่ผู้คน
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: ลดการใช้พลังงานในการผลิตและการขนส่งเนื่องจากไม่ต้องใช้วัตถุดิบใหม่ในการผลิตสินค้าจำนวนมาก
ส่งเสริมความยั่งยืน: การนำทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำช่วยให้ระบบเศรษฐกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและยั่งยืนในระยะยาว
เศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นหนึ่งในสามองค์ประกอบสำคัญของโมเดล BCG ที่ประเทศไทยนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการลดขยะและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ
เป็นแนวคิดเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความเป็นธรรมทางสังคม ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป้าหมายของเศรษฐกิจสีเขียวคือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและลดการปล่อยมลพิษ
พลังงานสะอาด (Clean Energy): การส่งเสริมการใช้พลังงานที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และพลังน้ำ แทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development): มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมและสังคมที่ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและรักษาทรัพยากรสำหรับคนรุ่นต่อไป
การลดการปล่อยมลพิษ (Pollution Reduction): ส่งเสริมให้มีการลดการปล่อยของเสีย สารพิษ และก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการผลิต การขนส่ง และการบริโภค รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดมลพิษ
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Resource Conservation): การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า การอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ เช่น ป่าไม้ ทะเล และพื้นที่ทางธรรมชาติ เพื่อให้สามารถใช้ได้ในระยะยาว
การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน (Renewable Resources): การใช้ทรัพยากรหมุนเวียนในการผลิตสินค้าและบริการ เช่น การใช้วัตถุดิบที่สามารถปลูกทดแทนได้ หรือการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิต
การบริหารจัดการของเสียอย่างยั่งยืน (Sustainable Waste Management): ลดการทิ้งของเสีย การจัดการขยะ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อแปรรูปขยะเป็นพลังงานหรือทรัพยากรใหม่ เพื่อลดการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
การสร้างงานสีเขียว (Green Jobs): การส่งเสริมการจ้างงานในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น งานในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน การรีไซเคิล การจัดการทรัพยากร และการอนุรักษ์ป่าไม้
ลดการปล่อยมลพิษ: ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ น้ำ และดิน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ: อุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียว สามารถสร้างงานและโอกาสทางธุรกิจได้
ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ: ลดการใช้ทรัพยากรที่สิ้นเปลืองและสร้างระบบเศรษฐกิจที่สามารถหมุนเวียนทรัพยากรได้
ปกป้องธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ: การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวจะเน้นการอนุรักษ์ป่าไม้ แหล่งน้ำ และระบบนิเวศอื่น ๆ เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ
เศรษฐกิจสีเขียวเป็นส่วนสำคัญในโมเดล BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่ประเทศไทยใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวในประเทศไทยไม่เพียงแต่ช่วยลดมลพิษและการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดยมีโครงการและแนวทางการดำเนินงานสำคัญหลายประการที่เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ส่งเสริมความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างของการดำเนินงานโมเดล BCG ในประเทศไทยที่สำคัญมีดังนี้:
อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารชีวภาพ: มีการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเข้ามาเพิ่มมูลค่า เช่น การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาพันธุ์พืชที่ต้านทานโรค การใช้ปุ๋ยชีวภาพ และการพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น โปรตีนจากพืชที่มาแทนเนื้อสัตว์ (Plant-Based Protein) หรืออาหารเสริมที่มีประโยชน์ทางโภชนาการสูงจากวัตถุดิบธรรมชาติ
การเกษตรอินทรีย์: มีการสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบปลอดสารเคมีและใช้ปุ๋ยชีวภาพ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืน
โครงการพลังงานแสงอาทิตย์: มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) และการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในชุมชนเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานสะอาด ช่วยลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โครงการพลังงานชีวมวล: การนำชีวมวล เช่น เศษไม้ แกลบ ข้าวฟ่าง และของเสียทางการเกษตร มาใช้ผลิตพลังงานทดแทน ซึ่งช่วยลดขยะเกษตรและสร้างพลังงานสะอาด
โครงการรีไซเคิลขยะพลาสติก: มีการพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการในการรีไซเคิลขยะพลาสติกเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น การนำขวดพลาสติกมาผลิตเป็นเสื้อผ้าหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่งช่วยลดการทิ้งขยะพลาสติกในธรรมชาติ
การลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว: มีการรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single-use plastics) เช่น ถุงพลาสติก หลอด และบรรจุภัณฑ์พลาสติก และหันมาใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
โครงการ OTOP: เป็นการส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นผลิตสินค้าและบริการจากทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น โดยการใช้วัสดุหมุนเวียนและการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้หรือมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
เกษตรทฤษฎีใหม่: โครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นแนวทางการทำเกษตรที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า การหมุนเวียนใช้ทรัพยากรน้ำ และการปลูกพืชหมุนเวียน เพื่อสร้างความยั่งยืนและความพอเพียงในการดำเนินชีวิตของเกษตรกร
การพัฒนา Smart City: มีการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในหลายจังหวัดของประเทศไทย เช่น ภูเก็ตและเชียงใหม่ ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะ การขนส่งที่ลดการปล่อยมลพิษ และการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ
โครงการปลูกป่าและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้: มีการส่งเสริมการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าชายเลนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดการกัดเซาะชายฝั่ง และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ
โครงการชุมชนต้นน้ำ: การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำและการจัดการน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภูเขา เช่น เชียงรายและแม่ฮ่องสอน เพื่อให้ชุมชนสามารถใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน: มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่รักษาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น โดยเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างรู้คุณค่า และลดผลกระทบต่อธรรมชาติ เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในอุทยานแห่งชาติ และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ประเทศไทยมีการขับเคลื่อนโมเดล BCG อย่างจริงจังในหลายภาคส่วน เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในภาคการเกษตร พลังงาน การรีไซเคิล และการท่องเที่ยว ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบใหม่ที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาสมดุลของธรรมชาติ
โดยมีตัวอย่างโครงการและแนวทางที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างการดำเนินงานโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของนานาชาติที่สำคัญมีดังนี้:
โครงการ European Green Deal: สหภาพยุโรปได้ประกาศนโยบาย Green Deal ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มุ่งเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจยุโรปให้เป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานหมุนเวียน และการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดขยะและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
Circular Economy Action Plan: สหภาพยุโรปยังได้ออกแผนปฏิบัติการเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ยั่งยืนมากขึ้น การรีไซเคิลวัตถุดิบและทรัพยากร และการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าในภาคการผลิต
โครงการรีไซเคิลขยะอุตสาหกรรม: เยอรมนีเป็นผู้นำในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมีระบบการจัดการขยะและการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพสูง นำขยะอุตสาหกรรมและของเสียกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต เพื่อลดการฝังกลบขยะและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุที่เหลือทิ้ง
พลังงานหมุนเวียน: เยอรมนียังเป็นผู้นำด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง
การจัดการขยะและรีไซเคิล: ญี่ปุ่นได้พัฒนาระบบการจัดการขยะที่มีความซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูง โดยมีการคัดแยกขยะในระดับครัวเรือนและการรีไซเคิลวัสดุ เช่น พลาสติก โลหะ และแก้ว ในการผลิตสินค้าต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดขยะฝังกลบและสร้างมูลค่าใหม่จากขยะ
เทคโนโลยีชีวภาพ: ญี่ปุ่นได้พัฒนาเทคโนโลยีทางชีวภาพเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและการแพทย์ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากโปรตีนพืช และการใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการรักษาสุขภาพ
Circular Economy Roadmap: ฟินแลนด์เป็นประเทศแรกที่นำเสนอแผนเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับชาติ โดยมุ่งเน้นการลดการใช้ทรัพยากรใหม่ การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้งานได้ยาวนาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลขั้นสูง ฟินแลนด์มองว่าเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นหัวใจของการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจในอนาคต
อุตสาหกรรมไม้และเยื่อกระดาษ: ฟินแลนด์ยังเน้นการใช้ทรัพยากรป่าไม้ในการผลิตวัสดุที่ยั่งยืน เช่น การใช้เยื่อกระดาษในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า แทนการใช้วัสดุที่มาจากปิโตรเลียม
Circular Amsterdam: เนเธอร์แลนด์มีโครงการพัฒนาเมืองอัมสเตอร์ดัมให้เป็นเมืองเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเน้นการออกแบบระบบการจัดการทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ การใช้พลังงานหมุนเวียน และการรีไซเคิลขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เมืองนี้ยังใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมในการจัดการทรัพยากรเพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน
โครงการ Waste-to-Energy: เนเธอร์แลนด์มีโครงการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน โดยการนำขยะมาแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อน เพื่อลดปริมาณขยะและสร้างพลังงานสะอาด
การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน: จีนได้ลงทุนอย่างมากในพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล จีนเป็นผู้นำในการผลิตและการใช้แผงโซลาร์เซลล์ทั่วโลก
เศรษฐกิจสีเขียว: จีนยังพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
พลังงานน้ำ (Hydropower): นอร์เวย์เป็นผู้นำด้านการใช้พลังงานน้ำในการผลิตไฟฟ้า โดยกว่า 90% ของพลังงานไฟฟ้าในประเทศมาจากพลังงานน้ำ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ: นอร์เวย์ยังมีนโยบายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยการใช้เทคโนโลยีในการอนุรักษ์ทะเล ป่าไม้ และระบบนิเวศอื่น ๆ เพื่อรักษาความสมดุลของธรรมชาติและเศรษฐกิจ
การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน: ออสเตรเลียเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง มีการพัฒนาเทคโนโลยีการเก็บกักน้ำและการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม
เศรษฐกิจชีวภาพในภาคเกษตร: มีการพัฒนาภาคการเกษตรที่ใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างรู้คุณค่า เช่น การใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
การดำเนินงานของนานาชาติในด้านเศรษฐกิจ BCG เป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายประเทศในการพัฒนารูปแบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยผสมผสานการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การอนุรักษ์ธรรมชาติ และการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ