8 เมษายน 2568
การเกิดแผ่นดินไหว (Earthquake) คือ การสั่นสะเทือนของพื้นผิวโลกที่เกิดจากการปลดปล่อยพลังงานสะสมในเปลือกโลกอย่างฉับพลัน ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้:
เปลือกโลกของเราประกอบด้วยแผ่นใหญ่ ๆ หลายแผ่น เรียกว่า “แผ่นธรณีภาค” (Tectonic Plates)
แผ่นเหล่านี้เคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา โดยการชนกัน, แยกออกจากกัน หรือเลื่อนผ่านกัน
เมื่อเกิดการสะสมพลังงานมากเกินไปจากการเสียดสีหรือการกดทับ พลังงานจะถูกปลดปล่อยออกมาในรูปของ “แผ่นดินไหว”
รอยเลื่อนเป็นรอยแตกในเปลือกโลกที่แผ่นดินสามารถเคลื่อนไหวได้
เมื่อแผ่นดินเคลื่อนตัวอย่างฉับพลันตามแนวรอยเลื่อน จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว
จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวใต้ดิน (Hypocenter): จุดที่พลังงานถูกปลดปล่อยครั้งแรกในใต้พื้นดิน
ศูนย์กลางแผ่นดินไหวบนพื้นผิว (Epicenter): จุดบนผิวโลกที่อยู่เหนือ Hypocenter ซึ่งจะสั่นสะเทือนมากที่สุด
ขนาด (Magnitude): วัดปริมาณพลังงานที่ปลดปล่อย เช่น ใช้ "มาตราริกเตอร์"
ความรุนแรง (Intensity): วัดผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น แรงสั่น, ความเสียหาย ฯลฯ (เช่น มาตราเมอร์คัลลี - Modified Mercalli Scale)
รอยเลื่อนปกติ (Normal Fault) – เกิดจากการดึงแยก
รอยเลื่อนย้อน (Reverse Fault) – เกิดจากการบีบอัด
รอยเลื่อนตามแนวระดับ (Strike-Slip Fault) – แผ่นดินเลื่อนในแนวราบ เช่น รอยเลื่อนเปลือกโลกแคลิฟอร์เนีย (San Andreas Fault)
อาคารพังถล่ม, แผ่นดินแยก, ดินถล่ม
สึนามิ (หากเกิดในทะเล)
อัคคีภัย, การรั่วไหลของสารเคมีหรือแก๊ส
การเกิดแผ่นดินไหวจาก รอยเลื่อนสการ์ (Strike-Slip Fault) เป็นหนึ่งในรูปแบบการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งมีลักษณะเฉพาะและมักเกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวที่รุนแรงในแนวราบ เรามาอธิบายอย่างชัดเจนกันครับ/ค่ะ:
รอยเลื่อนสการ์ เป็น รอยเลื่อนแนวระดับ ที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น เลื่อนผ่านกันในแนวนอน
โดยไม่มีการยกขึ้นหรือลงของชั้นหินอย่างชัดเจน
แรงที่ทำให้เกิดการเลื่อนคือ แรงเฉือน (Shear force)
การเลื่อนอาจเป็น ซ้ายมือ (Left-lateral) หรือ ขวามือ (Right-lateral) ขึ้นอยู่กับทิศทางการเลื่อนของแต่ละฝั่ง
รอยเลื่อนแซนแอนเดรียส (San Andreas Fault) – สหรัฐอเมริกา
ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในแคลิฟอร์เนียหลายครั้ง
รอยเลื่อนแม่จัน – แม่อิง (ประเทศไทย) – จัดเป็นรอยเลื่อนในแนว strike-slip เช่นกัน
แรงเฉือนสะสมเป็นเวลานานจากการที่แผ่นเปลือกโลกฝืนเลื่อน
เมื่อแรงมากพอที่จะเอาชนะแรงเสียดทาน พลังงานจะถูกปลดปล่อย
แผ่นดินเกิดการเลื่อนอย่างฉับพลัน ➤ เกิดแผ่นดินไหว
คลื่นสั่นสะเทือน (Seismic waves) แผ่กระจายออกไปจากจุดศูนย์กลาง
การแตกของพื้นดินเป็นแนวเฉียงหรือตรงในแนวนอน
ถนนหรือทางรถไฟอาจเลื่อนเหลื่อมกัน
อาคารและโครงสร้างอาจเสียหายหากอยู่เหนือแนวรอยเลื่อน
ปัจจุบัน เทคโนโลยีและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพยากรณ์การเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ระบุว่า แผ่นดินไหวยังคงเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถพยากรณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีรอยเลื่อนมีพลัง 16 แห่ง ที่มีศักยภาพในการก่อให้เกิดแผ่นดินไหวในอนาคต
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 ส่งผลกระทบถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
แม้จะไม่สามารถพยากรณ์แผ่นดินไหวได้ แต่การเตรียมความพร้อมและการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องเมื่อเกิดแผ่นดินไหวเป็นสิ่งสำคัญ ควรศึกษาวิธีการป้องกันและรับมือเมื่อเกิดแผ่นดินไหว เช่น การหาที่หลบภัยที่ปลอดภัย และการปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การเตรียมความพร้อมและการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องเมื่อเกิดแผ่นดินไหว เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสียหายและเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตได้ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา ดังนี้:
ศึกษาข้อมูล
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผ่นดินไหวและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
รู้ว่าบ้านอยู่ใกล้รอยเลื่อนมีพลังหรือไม่
เตรียมของจำเป็น
ชุดยังชีพฉุกเฉิน (น้ำ, อาหารแห้ง, ไฟฉาย, ยา, วิทยุ, แบตเตอรี่สำรอง ฯลฯ)
เอกสารสำคัญใส่ถุงกันน้ำ
ตรวจสอบความปลอดภัยของบ้าน
ยึดตู้ ชั้นวาง และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้แน่นหนา
หลีกเลี่ยงการวางของหนักไว้สูง
กำหนดจุดรวมพล
นัดแนะกับคนในครอบครัวว่าหากพลัดหลงจะไปเจอกันที่ใด
หมอบ – คลาน – ยึดมั่น
หมอบลงต่ำ, คลานไปใต้โต๊ะที่แข็งแรง, ยึดโต๊ะไว้ไม่ให้เคลื่อน
อยู่ห่างจากหน้าต่าง, กระจก, ตู้, หรือสิ่งที่อาจหล่นทับ
อย่าใช้ลิฟต์
อยู่ให้ห่างจากอาคาร, เสาไฟฟ้า, ป้ายโฆษณา, ต้นไม้ใหญ่
หากอยู่ในที่โล่ง ให้หมอบลงและปกป้องศีรษะ
หยุดรถในที่โล่ง ไม่จอดใต้สะพานหรือใกล้ตึกสูง
อยู่ในรถจนกว่าแผ่นดินไหวจะหยุด
ตรวจสอบตนเองและคนรอบข้าง
ช่วยเหลือเบื้องต้นถ้ามีผู้บาดเจ็บ
ระวังอาฟเตอร์ช็อก (Aftershock)
ออกจากอาคารหากไม่มั่นคง
ตรวจสอบบ้าน
ระวังแก๊สรั่ว, น้ำรั่ว, สายไฟขาด – ห้ามเปิดสวิตช์ไฟถ้าได้กลิ่นแก๊ส
ติดตามข่าวสาร
ฟังประกาศจากทางราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา
อย่าแชร์ข่าวปลอม
ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลก่อนเผยแพร่
แนวทางการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากตึกถล่มต้องทำด้วยความระมัดระวังสูงสุด เพื่อป้องกันอันตรายต่อทั้งผู้ประสบภัยและผู้ช่วยเหลือ โดยสามารถแบ่งเป็นขั้นตอนหลัก ๆ ได้ดังนี้:
ตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างก่อนเข้าไป
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายวัสดุหนักโดยไม่จำเป็น (อาจทำให้ซากถล่มเพิ่มเติม)
ฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือ หรือใช้เครื่องมือค้นหาผู้รอดชีวิต (เช่น เครื่องตรวจจับความร้อน, สุนัขค้นหา)
ส่งเสียงเรียก หรือเคาะพื้นเป็นจังหวะ
หากมีการตอบสนอง ให้แจ้งผู้ช่วยเหลือมืออาชีพทันที
พยายามปลอบใจและให้กำลังใจผู้รอดชีวิต
หากเข้าถึงตัวผู้ประสบภัยได้ ให้ตรวจเช็คการหายใจและการบาดเจ็บ
อย่าดึงตัวผู้บาดเจ็บออกทันทีหากเขาติดอยู่ – อาจทำให้อาการแย่ลง
ให้ผู้ประสบภัยอยู่กับที่และจัดท่าทางให้ปลอดภัยเท่าที่ทำได้
ติดต่อหน่วยกู้ภัย/ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (เช่น โทร. 1784 หรือ 1669)
ให้ข้อมูลตำแหน่งที่แน่นอนและจำนวนผู้ติดอยู่
อย่าฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่กู้ภัย
สวมอุปกรณ์ป้องกันตนเอง (หมวกนิรภัย, ถุงมือ, หน้ากากกันฝุ่น)
ระวังการเกิดอาฟเตอร์ช็อก