10 คุลาคม 2567
SDG (Sustainable Development Goals) หรือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นกรอบนโยบายระดับโลกที่ประกอบด้วย 17 เป้าหมายหลัก ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อกำหนดทิศทางในการพัฒนาประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 (2015) จนถึงปี พ.ศ. 2573 (2030) โดยเน้นการบูรณาการด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญของโลก เช่น ความยากจน ความหิวโหย สุขภาพ การศึกษา ความเท่าเทียมทางเพศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอื่นๆ รวม 169 เป้าหมายย่อย
ขจัดความยากจน (No Poverty): ลดความยากจนทุกรูปแบบในทุกพื้นที่
ขจัดความหิวโหย (Zero Hunger): ยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการที่ดี
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being): สร้างหลักประกันการมีชีวิตที่ดีและการมีสุขภาพที่ดีในทุกวัย
การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education): ส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ ความเท่าเทียม และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality): บรรลุความเท่าเทียมทางเพศและสร้างเสริมพลังให้กับสตรีและเด็กหญิง
น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล (Clean Water and Sanitation): สร้างหลักประกันการมีน้ำสะอาดและการสุขาภิบาลที่ยั่งยืน
พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ (Affordable and Clean Energy): สร้างหลักประกันว่าทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ในราคาที่สามารถจ่ายได้
งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Decent Work and Economic Growth): ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการจ้างงานที่มีคุณค่า
อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน (Industry, Innovation, and Infrastructure): สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน
ลดความเหลื่อมล้ำ (Reduced Inequalities): ลดความเหลื่อมล้ำทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
เมืองและถิ่นฐานมนุษย์ที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities): ทำให้เมืองและชุมชนมีความปลอดภัย ยืดหยุ่น และยั่งยืน
การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (Responsible Consumption and Production): สร้างหลักประกันว่ามีรูปแบบการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน
การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action): ดำเนินการด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบ
การใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน (Life Below Water): อนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน
การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบกอย่างยั่งยืน (Life on Land): ปกป้องระบบนิเวศทางบกและใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง (Peace, Justice, and Strong Institutions): ส่งเสริมสังคมที่สงบสุข ยุติธรรม และมีส่วนร่วม
ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Partnerships for the Goals): ส่งเสริมความร่วมมือระดับโลกเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนา
เพื่อจำแนกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อออกเป็น 5 มิติ ได้แก่ คน (People), โลก (Planet), ความมั่งคั่ง (Prosperity), สันติภาพ (Peace), และ หุ้นส่วน (Partnership) โดยแต่ละมิติจะมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายที่แตกต่างกันดังนี้:
มิตินี้มุ่งเน้นไปที่การขจัดความยากจน ความหิวโหย และการส่งเสริมสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี การศึกษา รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
SDGs ที่เกี่ยวข้อง: เป้าหมายที่ 1 (ขจัดความยากจน), เป้าหมายที่ 2 (ขจัดความหิวโหย), เป้าหมายที่ 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี), เป้าหมายที่ 4 (การศึกษาที่มีคุณภาพ), เป้าหมายที่ 5 (ความเท่าเทียมทางเพศ), เป้าหมายที่ 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ)
มิตินี้เน้นการปกป้องสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
SDGs ที่เกี่ยวข้อง: เป้าหมายที่ 6 (การจัดการน้ำและสุขาภิบาล), เป้าหมายที่ 12 (การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน), เป้าหมายที่ 13 (การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ), เป้าหมายที่ 14 (การอนุรักษ์ทะเล), เป้าหมายที่ 15 (การปกป้องสิ่งแวดล้อมทางบก)
ความมั่งคั่งมุ่งเน้นให้ผู้คนทุกคนมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
SDGs ที่เกี่ยวข้อง: เป้าหมายที่ 7 (พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้), เป้าหมายที่ 8 (งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ), เป้าหมายที่ 9 (อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน), เป้าหมายที่ 11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน)
สันติภาพเน้นความสำคัญของการสร้างสังคมที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง โดยที่สิทธิมนุษยชนได้รับการคุ้มครอง
SDGs ที่เกี่ยวข้อง: เป้าหมายที่ 16 (สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง)
มิตินี้มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือในระดับโลก ระดับชาติ และระดับท้องถิ่น เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
SDG ที่เกี่ยวข้อง: เป้าหมายที่ 17 (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน)
"5 P" จึงเป็นกรอบแนวคิดที่ใช้ในการทำความเข้าใจว่า SDGs ทั้ง 17 ข้อมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร และทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนใน 5 มิติหลักนี้.
ประเด็นหลักของ SDG (Sustainable Development Goals) มีการกำหนดไว้เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อโลกในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งออกเป็น 17 เป้าหมายหลัก ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้:
เน้นการยุติความยากจนทุกรูปแบบในทุกพื้นที่
สร้างหลักประกันว่าทุกคนสามารถเข้าถึงทรัพยากรขั้นพื้นฐาน เช่น อาหาร น้ำ การศึกษา และสุขภาพ
ส่งเสริมการมีงานทำที่มั่นคงและการเข้าถึงความคุ้มครองทางสังคม
ยุติความหิวโหยและการขาดแคลนโภชนาการที่ดี
พัฒนาระบบเกษตรกรรมที่ยั่งยืน เพื่อให้ประชากรโลกมีอาหารเพียงพอ
ส่งเสริมการเข้าถึงทรัพยากรทางการเกษตรสำหรับเกษตรกรรายย่อย
ลดอัตราการตายของเด็กและแม่
ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนทุกช่วงวัย
ป้องกันและควบคุมโรคระบาดและโรคไม่ติดต่อ (NCDs)
ส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและเท่าเทียมกัน
สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตและพัฒนาทักษะที่จำเป็น
สร้างระบบการศึกษาให้เหมาะสมกับความต้องการของแรงงานในอนาคต
ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศและความรุนแรงทุกรูปแบบ
ส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม
สนับสนุนการมีส่วนร่วมของสตรีในทุกระดับของสังคมและการตัดสินใจ
สร้างหลักประกันการเข้าถึงน้ำสะอาดและการสุขาภิบาลที่ดีสำหรับทุกคน
พัฒนาการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำ เช่น แม่น้ำ ทะเลสาบ และแหล่งน้ำบาดาล
ส่งเสริมการเข้าถึงพลังงานสะอาดในราคาที่ทุกคนสามารถจ่ายได้
ขยายการผลิตและการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
พัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน
สร้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
สนับสนุนการคุ้มครองสิทธิแรงงานและการจ้างงานที่เหมาะสม
ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและการสร้างผู้ประกอบการ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน
ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
สนับสนุนการเข้าถึงการเงินและเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง
ลดความเหลื่อมล้ำในประเทศและระหว่างประเทศ
ส่งเสริมการเข้าถึงทรัพยากร โอกาสทางเศรษฐกิจ และการคุ้มครองทางสังคม
สนับสนุนการมีส่วนร่วมของกลุ่มเปราะบางในสังคม เช่น คนพิการ ผู้อพยพ และชนพื้นเมือง
ทำให้เมืองและชุมชนปลอดภัย ยืดหยุ่น และยั่งยืน
ส่งเสริมการวางผังเมืองและการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
ลดผลกระทบจากภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเมือง
ส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างรับผิดชอบ
ลดการเกิดขยะและการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง
พัฒนาการรีไซเคิลและการจัดการขยะอย่างยั่งยืน
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ
พัฒนากลยุทธ์การรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ส่งเสริมการร่วมมือระหว่างประเทศในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อนุรักษ์และปกป้องทรัพยากรทางทะเลและมหาสมุทร
ลดมลพิษและการทำลายระบบนิเวศทางทะเล เช่น การทำประมงเกินขนาด
ส่งเสริมการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลและการบริหารจัดการทรัพยากรทะเลอย่างยั่งยืน
ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและฟื้นฟูระบบนิเวศทางบก
หยุดการทำลายป่าไม้และการเสื่อมสภาพของดิน
ส่งเสริมการอนุรักษ์สายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
ส่งเสริมสังคมที่สงบสุขและมีความยุติธรรม
สร้างหลักประกันว่าทุกคนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมและมีสถาบันที่เข้มแข็ง
ลดการทุจริตและการใช้อำนาจโดยมิชอบในทุกระดับ
สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมาย
ส่งเสริมการแบ่งปันความรู้ เทคโนโลยี และทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทางการเงินและการสนับสนุนทางเทคนิคสำหรับประเทศกำลังพัฒนา
ประเด็นทั้งหมดนี้ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาสังคม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย SDGs อย่างครบถ้วนและยั่งยืนภายในปี 2030
ในประเทศไทย กระทรวงต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยกระทรวงแต่ละแห่งจะดำเนินการในสาขาที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของตนเอง และบูรณาการกับเป้าหมาย SDGs เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs 17 เป้าหมาย มีการจัดวางบทบาทของกระทรวงต่าง ๆ ดังนี้:
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 1, SDG 8, SDG 10
การดำเนินการ:
การดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อลดความยากจน
การสนับสนุนมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้มีรายได้น้อย
การส่งเสริมการจ้างงานและพัฒนาเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง
การพัฒนาและส่งเสริมโครงสร้างภาษีเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนา
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 2, SDG 12, SDG 15
การดำเนินการ:
โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่และการเกษตรแบบยั่งยืน
การจัดการน้ำเพื่อการเกษตรและการพัฒนาชลประทาน
การส่งเสริมการปลูกพืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี
การฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้และระบบนิเวศทางบก
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 7, SDG 9, SDG 13
การดำเนินการ:
ส่งเสริมการผลิตพลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม)
พัฒนาระบบโครงข่ายพลังงานอัจฉริยะ (Smart Grid)
รณรงค์ประหยัดพลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน
การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 4, SDG 5
การดำเนินการ:
การปรับปรุงหลักสูตรเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
ส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนในทุกพื้นที่
การขับเคลื่อนโครงการเรียนฟรีและทุนการศึกษา
สนับสนุนโครงการสร้างความเท่าเทียมทางเพศในโรงเรียนและสถานศึกษา
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 3
การดำเนินการ:
นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคและการประกันสุขภาพถ้วนหน้า
โครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เช่น การรณรงค์ลดโรคไม่ติดต่อ (NCDs)
การเพิ่มการเข้าถึงการดูแลสุขภาพสำหรับทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง
การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องสุขภาพ
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 1, SDG 5, SDG 10, SDG 11
การดำเนินการ:
การจัดทำโครงการบ้านมั่นคงและการพัฒนาชุมชนแออัด
การดูแลกลุ่มผู้เปราะบาง เช่น คนพิการ ผู้สูงอายุ และเด็กกำพร้า
การสร้างหลักประกันความเท่าเทียมทางเพศและการปกป้องสิทธิของผู้หญิงและเด็ก
การพัฒนานโยบายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคนทุกกลุ่มในสังคม
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 11, SDG 13
การดำเนินการ:
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในพื้นที่เมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต
การจัดการภัยพิบัติและการบรรเทาภาวะโลกร้อนในระดับท้องถิ่น
การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนในชุมชน
โครงการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 17
การดำเนินการ:
ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
การจัดการประชุมและการเป็นแกนนำในเวทีระดับโลกเกี่ยวกับ SDGs
การประสานงานกับประเทศสมาชิกอาเซียนและองค์การสหประชาชาติในประเด็นความร่วมมือด้าน SDGs
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 13, SDG 14, SDG 15
การดำเนินการ:
การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ
โครงการจัดการขยะและมลพิษ รวมถึงการรณรงค์ลดการใช้พลาสติก
การสร้างเขตอนุรักษ์ทางทะเลและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ
การดำเนินการตามนโยบาย Paris Agreement เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 8
การดำเนินการ:
การส่งเสริมการจ้างงานที่มีคุณภาพและการคุ้มครองสิทธิของแรงงาน
การพัฒนาทักษะและการฝึกอบรมแรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาด
การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานเด็ก
การส่งเสริมการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
เป้าหมายหลักที่เกี่ยวข้อง: SDG 9, SDG 11
การดำเนินการ:
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เช่น รถไฟความเร็วสูงและโครงการรถไฟฟ้า
การขนส่งระบบมวลชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า
การปรับปรุงระบบถนนและการสร้างความปลอดภัยในการขนส่ง
การส่งเสริมการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคและพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์
การดำเนินงานตามเป้าหมาย SDGs ในแต่ละกระทรวงในประเทศไทยยังคงต้องการการบูรณาการและความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
ในปี 2024 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับ SDG (Sustainable Development Goals) อันดับ 45 ของโลก จากทั้งหมด 166 ประเทศ และยังคงครองตำแหน่ง อันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ด้วยคะแนน SDG Index 74.7 คะแนน โดยเป้าหมายที่ประเทศไทยมีความก้าวหน้ามากที่สุด ได้แก่ การขจัดความยากจน (Goal 1), การศึกษาที่มีคุณภาพ (Goal 4), และความเท่าเทียมทางเพศ (Goal 5) (SAWASDEE THAILAND - THAILAND.GO.TH)(C asean).
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงมีความท้าทายใหญ่ในบางด้าน เช่น การบริหารจัดการมลพิษทางอากาศ (PM 2.5), การอนุรักษ์ป่าไม้ (Goal 15), และการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งการดำเนินการยังคงต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างยั่งยืน (C asean).
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Sustainable Development Report และ C-asean
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP: Sufficiency Economy Philosophy) และ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มีแนวคิดที่สอดคล้องกัน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นคงและความสุขของประชาชน
เศรษฐกิจพอเพียง เน้นการพึ่งพาตนเอง ความพอประมาณ และความมีเหตุผล ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ SDGs เช่น การขจัดความยากจน (SDG 1), ความมั่นคงทางอาหาร (SDG 2), และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน (SDG 12)
หลักความพอประมาณ ใน SEP ช่วยป้องกันความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ความมีเหตุผล และ ภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมการพัฒนาที่ปรับตัวได้ตามสถานการณ์ สอดคล้องกับแนวคิด SDGs ในการสร้างชุมชนที่ยั่งยืน (SDG 11) และการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (SDG 13)
การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน: SEP เน้นการสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ ซึ่งสนับสนุนเป้าหมาย SDG 11 (การพัฒนาเมืองและชุมชนอย่างยั่งยืน)
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม: การใช้ทรัพยากรอย่างมีเหตุผลและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ SDG 12 (การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน) และ SDG 15 (การอนุรักษ์ระบบนิเวศทางบก)
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับชาติ ทำให้สามารถขับเคลื่อน SDGs ในหลายด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สถานะการบรรลุเป้าหมาย SDGs ทั่วโลก:
มีเพียง 16% ของเป้าหมาย SDGs ที่มีแนวโน้มจะบรรลุได้ภายในปี 2030 ส่วนที่เหลือ 84% มีความก้าวหน้าจำกัดหรือถดถอย
เป้าหมาย SDG ที่อยู่ในสถานะ “ล้าหลัง” มากที่สุด ได้แก่:
SDG 2: ขจัดความหิวโหย
SDG 11: การพัฒนาเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
SDG 14: ทรัพยากรทางทะเล
SDG 15: ระบบนิเวศทางบก
SDG 16: สันติภาพและความยุติธรรม
สาเหตุหลักที่ทำให้หลายเป้าหมายถดถอย ได้แก่ ปัญหาโรคอ้วน การเสื่อมสภาพของดิน และเสรีภาพสื่อที่ลดลงในหลายประเทศ รวมถึงอายุขัยเฉลี่ยที่ลดลงเนื่องจาก COVID-19(SDG executive-summary).
การดำเนินการในกลุ่มประเทศต่าง ๆ:
ประเทศในแถบนอร์ดิก (Nordic) ยังคงเป็นผู้นำในการดำเนินการตาม SDGs โดย ฟินแลนด์ ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ตามมาด้วยสวีเดน เดนมาร์ก เยอรมนี และฝรั่งเศส
ประเทศในกลุ่ม BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) และ BRICS+ (อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีความก้าวหน้าในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมากกว่าค่าเฉลี่ยของโลก
ประเทศในภูมิภาค เอเชียตะวันออกและใต้ มีอัตราการพัฒนา SDGs สูงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ แต่ประเทศที่มีรายได้ต่ำ (LICs) และประเทศเกาะเล็ก (SIDS) ยังคงมีช่องว่างมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลก(SDG executive-summary).
ความท้าทายด้านการลงทุน:
การพัฒนาอย่างยั่งยืนยังคงต้องการการลงทุนในระยะยาว โดยประเทศรายได้ต่ำและปานกลางจำเป็นต้องเข้าถึงแหล่งทุนในราคาที่สามารถจ่ายได้เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาของตน
รายงานนี้แนะนำ 5 กลยุทธ์หลักในการปฏิรูปโครงสร้างทางการเงินระดับโลกเพื่อสร้างความยั่งยืน เช่น การจัดตั้งสถาบันการเงินใหม่และการปรับโครงสร้างภาษีในระดับโลก(SDG executive-summary).
ความร่วมมือระดับโลก:
ประเทศที่มีความร่วมมือในระดับพหุภาคี (Multilateralism) มากที่สุด ได้แก่ บาร์เบโดส อันดับ 1 ตามด้วยแอนติกาและบาร์บูดา อุรุกวัย มอริเชียส และมัลดีฟส์ ในขณะที่ สหรัฐอเมริกา อยู่ในอันดับสุดท้าย
ดัชนีนี้วัดจากการสนับสนุนระบบของสหประชาชาติ (UN) การลงนามในสนธิสัญญา และการมีส่วนร่วมในหน่วยงานของ UN(SDG executive-summary).
เป้าหมายด้านระบบอาหารและการใช้ที่ดิน (SDG 2 และ SDG 15):
ระบบอาหารและที่ดินทั่วโลกยังคงเป็นความท้าทายใหญ่ โดยคาดว่าจะมีผู้คนกว่า 600 ล้านคนที่ยังคงเผชิญกับความหิวโหยในปี 2030
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตรกรรมและการอนุรักษ์ป่าไม้เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
แนวทางการดำเนินการใหม่ที่เสนอ ได้แก่ การลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และเพิ่มการลงทุนในพื้นที่ที่มีความต้องการสูง(SDG executive-summary).
สรุปได้ว่า การดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลกยังคงมีความท้าทาย และต้องการความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายในระยะเวลาที่กำหนด
The 2024 SDG index Ranks and Scores
World SDG Dashboard 2024
แหล่งที่มา :
Jeffrey D. Sachs, Guillaume Lafortune and Grayson Fuller ( 2024) SUSTAINABLE DEVELOPMENT REPORT 2024 The SDGs and the UN Summit of the Future Includes the SDG Index and Dashboards. Dublin University Press Dublin, Ireland, 2024 : p17, 20.
เว็บไซต์ :
https://dashboards.sdgindex.org/
การขจัดปัญหาความยากจนเป็นประเด็นที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แนวทางการแก้ไขปัญหานี้สามารถพิจารณาได้จากหลากหลายมุมมอง ซึ่งประกอบด้วย:
การสร้างงานและส่งเสริมการประกอบอาชีพ: รัฐบาลควรสร้างโอกาสการจ้างงานผ่านการสนับสนุนอุตสาหกรรมต่าง ๆ และส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงการฝึกทักษะให้แก่ประชาชนเพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง
การพัฒนาการเกษตร: เนื่องจากคนยากจนส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตร ควรมีการส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน พัฒนาการเข้าถึงตลาดและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการทำการเกษตร
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: สร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงตลาดและโอกาสทางเศรษฐกิจ
การปรับปรุงคุณภาพการศึกษา: การศึกษาเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขความยากจน การเข้าถึงการศึกษาและการสร้างทักษะที่เหมาะสมกับความต้องการของตลาดแรงงานจะช่วยให้ผู้คนมีโอกาสในการทำงานและสร้างรายได้มากขึ้น
การศึกษาตลอดชีวิต: ส่งเสริมการฝึกอบรมและการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ
การเข้าถึงแหล่งเงินทุน: การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อขนาดเล็ก (Microfinance) ช่วยให้คนยากจนสามารถลงทุนในธุรกิจขนาดเล็กหรือกิจกรรมเศรษฐกิจของตนได้
การสนับสนุนทางการเงินจากรัฐ: การจัดสรรเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนต่าง ๆ เช่น โครงการเงินโอนเพื่อสวัสดิการ (Cash Transfer) ที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้น้อย
การส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคม: ลดความเหลื่อมล้ำในด้านรายได้ การศึกษา และสาธารณสุข เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสในการพัฒนาตนเองและครอบครัว
การสร้างระบบคุ้มครองทางสังคม (Social Safety Net): เช่น การประกันสุขภาพถ้วนหน้า การประกันสังคม และระบบบำนาญ เพื่อป้องกันไม่ให้คนตกอยู่ในภาวะยากจนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น การเจ็บป่วย หรือการตกงาน
การพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่น: การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน โดยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น
การกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วม: การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนานโยบายและการแก้ไขปัญหาในท้องถิ่นจะทำให้การแก้ปัญหามีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
การปฏิรูปภาษีและการจัดการทรัพยากร: ระบบภาษีที่มีความเท่าเทียมและการกระจายทรัพยากรอย่างเป็นธรรมสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มคนรายได้น้อย
การกำกับดูแลและความโปร่งใส: การแก้ปัญหาคอร์รัปชันและการส่งเสริมความโปร่งใสในกระบวนการใช้งบประมาณและนโยบายต่าง ๆ จะช่วยให้ทรัพยากรถึงมือคนยากจนอย่างแท้จริง
การเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ: เทคโนโลยีสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการศึกษา การประกอบอาชีพ และการเข้าถึงข้อมูลที่มีความสำคัญ
การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล: เช่น การสนับสนุนการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการซื้อขายหรือการฝึกทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ
การขจัดปัญหาความยากจนต้องการการบูรณาการแนวทางจากหลายภาคส่วน ทั้งจากรัฐบาล ภาคเอกชน และชุมชนในท้องถิ่น ควบคู่กับการสร้างระบบที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาที่เท่าเทียมและยั่งยืนในระยะยาว
การสร้างเมืองและถิ่นฐานมนุษย์ที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Human Settlements) เป็นหัวข้อสำคัญภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้เมืองและชุมชนมีความปลอดภัย สามารถอยู่อาศัยได้อย่างเหมาะสม มีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แนวทางหลักในการพัฒนาเมืองและถิ่นฐานมนุษย์ที่ยั่งยืนประกอบด้วย:
การวางผังเมืองแบบองค์รวม: ใช้แผนผังเมืองที่คำนึงถึงความต้องการของคนทุกกลุ่ม โดยออกแบบให้มีการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความแออัด และสนับสนุนการเข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น การศึกษา สาธารณสุข และพื้นที่สีเขียว
การกำหนดนโยบายการจัดการที่โปร่งใสและมีส่วนร่วม: เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาเมือง เพื่อสร้างความเป็นเจ้าของร่วมกัน (Community Ownership) และลดความขัดแย้ง
การขนส่งที่ยั่งยืน: การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างเครือข่ายรถไฟฟ้า รถเมล์ และเส้นทางจักรยาน ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานและลดมลพิษทางอากาศได้
การก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: การใช้วัสดุก่อสร้างที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการส่งเสริมอาคารที่ประหยัดพลังงาน (Green Building)
การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานพื้นฐาน: เช่น การมีน้ำสะอาด ระบบระบายน้ำ และไฟฟ้าที่เสถียร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อคุณภาพชีวิต
การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง: การสร้างสวนสาธารณะ การปลูกต้นไม้ และการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำในเขตเมือง เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดผลกระทบจากปรากฏการณ์เกาะความร้อน (Urban Heat Island Effect)
การจัดการขยะและมลพิษ: การลดปริมาณขยะ การส่งเสริมการรีไซเคิล และการจัดการของเสียอย่างถูกสุขลักษณะ รวมถึงการป้องกันมลพิษทางน้ำและอากาศ
การส่งเสริมที่อยู่อาศัยที่ราคาเข้าถึงได้: การพัฒนาที่อยู่อาศัยให้มีราคาที่เหมาะสมและสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
การพัฒนาชุมชนแออัด: การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในชุมชนแออัดและการจัดหาที่อยู่อาศัยทางเลือกให้แก่ประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยหรือเสี่ยงต่อภัยพิบัติ
การเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวของเมือง: การออกแบบเมืองที่สามารถรับมือกับภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือพายุ โดยการวางระบบระบายน้ำ การป้องกันน้ำท่วม และการเตรียมพร้อมด้านการจัดการภัยพิบัติ
การส่งเสริมเมืองคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Cities): การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการออกแบบเมืองที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการความเหลื่อมล้ำในเมือง: การให้บริการสาธารณะที่เท่าเทียม เช่น การศึกษา การดูแลสุขภาพ และการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ
การสร้างพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยและเปิดกว้าง: การออกแบบพื้นที่สาธารณะที่ส่งเสริมความปลอดภัย และสามารถใช้ได้โดยไม่แบ่งแยก เช่น การสร้างทางเดินที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
การสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและนวัตกรรม: การสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจท้องถิ่น การพัฒนาศูนย์นวัตกรรม และการสร้างงานในเมืองเพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มขึ้น
การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy): การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการสนับสนุนให้เกิดการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ในระบบเศรษฐกิจ
การสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities): การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในการจัดการเมือง เช่น การบริหารจัดการการจราจร ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ และการพัฒนาบริการสาธารณะที่ใช้เทคโนโลยี
การวิเคราะห์ข้อมูลเมือง (Urban Analytics): การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในการวิเคราะห์ความต้องการและแนวโน้มในเมือง เพื่อพัฒนานโยบายและการจัดการเมืองที่มีประสิทธิภาพ
การสร้างความร่วมมือระหว่างเมืองและชุมชน: การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และแนวปฏิบัติที่ดี
การทำงานร่วมกับภาคประชาชนและภาคเอกชน: การสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีบทบาทในการพัฒนาเมือง เช่น การสนับสนุนให้ภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการตัดสินใจ
การสร้างเมืองและถิ่นฐานมนุษย์ที่ยั่งยืนต้องคำนึงถึงการประสานงานและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการวางแผนระยะยาวที่จะทำให้เมืองมีความยืดหยุ่นและพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
โครงการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย มีหลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยยึดตามหลักการของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ตัวอย่างโครงการที่สำคัญ ได้แก่:
รายละเอียด: โครงการหลวงมีเป้าหมายในการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชนเผ่าในพื้นที่สูง พร้อมทั้งสนับสนุนการปลูกพืชและพัฒนาอาชีพทางเลือกให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
ประโยชน์: ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการบุกรุกทำลายป่า ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่
รายละเอียด: เป็นโครงการที่ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โดยส่งเสริมให้ประชาชนดำรงชีวิตแบบพอประมาณ มีเหตุผล และสร้างความเข้มแข็งจากภายใน
ประโยชน์: ช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนและชุมชน ส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน
รายละเอียด: สนับสนุนการผลิตสินค้าชุมชนที่มีเอกลักษณ์และศักยภาพในแต่ละตำบล เพื่อเพิ่มรายได้และสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
ประโยชน์: สร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนในชนบท ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น และช่วยกระจายความเจริญสู่ชนบทอย่างยั่งยืน
รายละเอียด: มุ่งเน้นการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกทำลายและเสื่อมโทรม รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในกิจกรรมปลูกป่าและดูแลรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติ
ประโยชน์: ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ส่งผลให้ชุมชนประมงมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการฟื้นฟูระบบนิเวศ
รายละเอียด: โครงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในชุมชน การส่งเสริมพลังงานลม และการผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะ
ประโยชน์: ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยพัฒนาชุมชนในด้านความมั่นคงทางพลังงาน
รายละเอียด: โครงการพัฒนาเมืองต่างๆ ในประเทศไทยให้มีความทันสมัย ยั่งยืน และตอบสนองต่อความต้องการของประชากรในด้านการคมนาคม การใช้พลังงาน การจัดการน้ำ และการดูแลสุขภาพ
ประโยชน์: เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง ลดมลพิษ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมือง
รายละเอียด: การส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนที่คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตร การท่องเที่ยววิถีชุมชน
ประโยชน์: สร้างรายได้ให้กับชุมชน ลดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น
รายละเอียด: เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น
ประโยชน์: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกระดับ สร้างความเข้าใจในนโยบายรัฐ และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น
โครงการเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงความพยายามของประเทศไทยในการพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs ในการสร้างความสมดุลและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับประชาชนทุกภาคส่วนในระยะยาว
โครงการพัฒนาที่ยั่งยืนในต่างประเทศ มีหลากหลายรูปแบบที่สามารถนำมาเป็นตัวอย่างการดำเนินงานในบริบทสากลได้ ซึ่งแต่ละโครงการมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างสมดุลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างโครงการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สำคัญ ได้แก่:
รายละเอียด: Energiewende เป็นโครงการของรัฐบาลเยอรมนีในการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน โดยลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์และฟอสซิล และมุ่งเน้นการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์
ประโยชน์: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนการสร้างงานในภาคพลังงานหมุนเวียน และเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว
รายละเอียด: Masdar City เป็นโครงการเมืองต้นแบบที่ออกแบบมาเพื่อให้มีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ตั้งอยู่ในกรุงอาบูดาบี เมืองนี้ใช้พลังงานจากแหล่งหมุนเวียนทั้งหมดและมีการจัดการน้ำเสียและขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์: เป็นเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยคาร์บอน เป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองในอนาคต
รายละเอียด: แผนพัฒนาของสิงคโปร์ที่มุ่งเน้นการสร้างสังคมสีเขียว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงาน ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ การรีไซเคิล และการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
ประโยชน์: ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในเขตเมือง และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
รายละเอียด: Green New Deal เป็นนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์และการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนผ่านการลงทุนในพลังงานสะอาด การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างงานในอุตสาหกรรมสีเขียว
ประโยชน์: สร้างงานใหม่ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รายละเอียด: โครงการของกรุงโคเปนเฮเกนในการมุ่งสู่การเป็นเมืองที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2025 โดยการลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล การส่งเสริมการใช้จักรยานในเมือง และการสร้างโครงข่ายพลังงานหมุนเวียน
ประโยชน์: สร้างความตระหนักในเรื่องการลดคาร์บอน ปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมือง และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน
รายละเอียด: โครงการนี้มุ่งเน้นการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในสกอตแลนด์ โดยลดขยะที่ถูกฝังกลบ และเพิ่มอัตราการรีไซเคิล โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
ประโยชน์: ลดปริมาณขยะที่ฝังกลบ ส่งเสริมการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รายละเอียด: โครงการระหว่างประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก มุ่งเน้นการฟื้นฟูพื้นที่ป่าและการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืนในประเทศแถบแอฟริกา ผ่านการปลูกต้นไม้ การจัดการพื้นที่เกษตร และการเพิ่มความสามารถในการกักเก็บคาร์บอน
ประโยชน์: เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ลดการตัดไม้ทำลายป่า และเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชนท้องถิ่น
รายละเอียด: One Planet Living เป็นแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่พัฒนาโดย Bioregional และ WWF โดยมีเป้าหมายในการสร้างชุมชนและเมืองที่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างยั่งยืนภายใต้ทรัพยากรของโลกเพียงหนึ่งใบ
ประโยชน์: สร้างชุมชนที่มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติและการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล
รายละเอียด: โครงการการจัดการน้ำของเนเธอร์แลนด์ที่มุ่งเน้นการป้องกันน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เช่น ระบบกั้นน้ำและเขื่อนที่สามารถปรับระดับได้
ประโยชน์: ลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม ปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำ และส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนในเขตชายฝั่ง
รายละเอียด: คอสตาริกามุ่งเน้นการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ผ่านการฟื้นฟูป่า การใช้พลังงานหมุนเวียน และการสร้างแรงจูงใจในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ประโยชน์: เพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดการปล่อยคาร์บอน และสร้างแรงจูงใจให้กับภาคธุรกิจและประชาชนในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม
โครงการเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งมีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น
28 ตุลาคม 2567
Smart City หรือ “เมืองอัจฉริยะ” หมายถึงเมืองที่ใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ในการจัดการและพัฒนาเมืองเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในหลายมิติ เช่น การคมนาคม การใช้พลังงาน การบริหารจัดการขยะ และบริการสาธารณะอื่นๆ โดยข้อมูลและเทคโนโลยีจะถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์สถานการณ์แบบเรียลไทม์ ช่วยให้การตัดสินใจและบริหารจัดการทรัพยากรของเมืองมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT): ใช้ระบบ IoT (Internet of Things) และข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อเชื่อมต่อและรวบรวมข้อมูล
การคมนาคมอัจฉริยะ: เช่น ระบบขนส่งสาธารณะทันสมัยและระบบควบคุมการจราจรแบบเรียลไทม์
พลังงานและสิ่งแวดล้อม: ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การอนุรักษ์ทรัพยากร และระบบจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการเมือง: การให้บริการภาครัฐผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น Smart Governance และ e-Government
คุณภาพชีวิต: ส่งเสริมด้านสุขภาพ การศึกษา และความปลอดภัย
การมีส่วนร่วมของประชาชน: ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองผ่านแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มต่างๆ
กรุงเทพมหานคร
มีการพัฒนา ระบบการจราจรอัจฉริยะ เช่น การใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการจราจรเพื่อลดปัญหารถติด
โครงการ Bangkok Smart City มุ่งเน้นใน 7 ด้าน เช่น การคมนาคม พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการบริหารภาครัฐ
ภูเก็ต
เน้นพัฒนาเป็น เมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะ (Smart Tourism) ด้วยเทคโนโลยีการบริการนักท่องเที่ยวผ่านแอปพลิเคชัน
มีการพัฒนา ระบบความปลอดภัยและป้องกันภัยพิบัติ ด้วยกล้องวงจรปิดอัจฉริยะและศูนย์ควบคุมการแจ้งเตือนภัย
เชียงใหม่
เน้นการเป็น Smart Environment ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การใช้พลังงานสะอาดและการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
มีโครงการ Smart Health ในด้านการดูแลสุขภาพผ่านแอปพลิเคชันและการเชื่อมต่อกับโรงพยาบาล
สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นหนึ่งในเมืองอัจฉริยะชั้นนำของโลก โดยมีการใช้ ระบบ e-Government ที่ทันสมัย
ระบบการคมนาคมอัจฉริยะ สามารถตรวจสอบการจราจรและให้คำแนะนำเส้นทางที่รวดเร็วที่สุดผ่านแอป
ระบบ พลังงานอัจฉริยะ ลดการใช้พลังงานในอาคารโดยใช้ IoT และ AI ในการควบคุม
บาร์เซโลนา (สเปน)
เป็นหนึ่งในต้นแบบของ Smart City ในยุโรป โดยมี ระบบไฟถนนอัจฉริยะ ที่สามารถปรับแสงตามการใช้งานจริง
การจัดการ น้ำและพลังงานแบบยั่งยืน โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจสอบปริมาณการใช้น้ำและควบคุมการรดน้ำต้นไม้ในสวนสาธารณะ
ดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
ดูไบมุ่งเน้นการเป็นเมืองอัจฉริยะด้วย บริการสาธารณะแบบไร้กระดาษ และการใช้แอปพลิเคชันในการดำเนินธุรกรรม
พัฒนา ระบบจราจรและขนส่งอัจฉริยะ เช่น รถแท็กซี่ไร้คนขับ และระบบขนส่งมวลชนที่ใช้พลังงานสะอาด
การพัฒนา Smart City เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้เมืองต่างๆ มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากร โดยความสำเร็จของเมืองอัจฉริยะขึ้นอยู่กับการผสมผสานเทคโนโลยี การบริหารจัดการที่ดี และความร่วมมือจากประชาชนในเมืองนั้นๆ ตัวอย่างเมืองต่างๆ เช่น กรุงเทพฯ สิงคโปร์ และบาร์เซโลนา แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่หลากหลายในการสร้างความยั่งยืนและเพิ่มคุณภาพชีวิตในแต่ละท้องถิ่น.